
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
BUY NOW หยิบลงตะกร้า BUY NOW หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
หมวดหมู่ | บำรุงสุขภาพ |
น้ำหนัก | กรัม |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เพิ่มเติม | |
เกรด | |
บาร์โค้ด | |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
คงเหลือ | ชิ้น |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ความพึงพอใจ | ยังไม่มีความคิดเห็น |
|
ข้อมูล |
|
รายละเอียดสินค้า |
Nature Made Super Fish Oil 1,200mg. Liquid Softgel รุ่น Super Size อาหารเสริมน้ำมันปลาเสริมช่วยสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ของเซลล์สมองถ่ายทอดสัญญาณและผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้สมองทำงานดีขึ้นDHA ในสมองสูงขึ้น ความเครียดจะลดลงและสมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น น้ำมันปลาหรือ, Fish Oil คือส่วนที่สกัดมาจากจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว หาง ของปลาโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ซึ่งในน้ำปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด น้ำมันปลาประกอบด้วยประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6 สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นจะแบ่งออกเป็น EPA และ DHA เป็นหลักซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เพราะว่าร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น และสำหรับกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-6 นั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพราะช่วยลดไขมันได้เลือดได้
ประโยชน์น้ำมันปลา Fish oil 1.ช่วยบำรุงสุขภาพผิว เส้นผม และเล็บให้มีสุขภาพดี 2.น้ํามันปลาช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้ 3.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกรีเซอไรด์ที่เป็นอันตราย 4.ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลัน 5.ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง 6.ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเส้นเลือดในสมองแตก 7.น้ํามันปลาช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว 8.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด เพราะไปลดความหนืดของเกล็ดเลือด และลดปริมาณสารไฟบรินในเลือด 9.ช่วยรักษาและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม 10.ช่วยบรรเทาอาการคันและแห้งของโรคสะเก็ดเงิน 11.ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของโรคปวดศีรษะไมเกรน 12.น้ํามันปลาช่วยต่อต้านผลร้ายจากสารโพรสตาแกลนดินซึ่งมีส่วนไปลดภูมิต้านทานของโรคและไปเพิ่มการเจริญเติบโตของเนื้องอก 13.ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 14.ช่วยเพิ่มพัฒนาการในด้านสายตาและสมองของทารก 15.ช่วยป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ ลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับของเอชดีแอลโคเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันที่ดี น้ำมันปลาสามารถลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ลงได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันข้าวโพดและน้ำมันดอกคำฝอยมาก ผู้ชายที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เมื่อให้กินปลาประมาณ 18 ออนซ์ต่อวันเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลงและระดับเอชดีแอลโคเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไม่เกาะตัวเป็นลิ่ม เลือดจึงไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดความหนืดของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ลดความดันโลหิต จากรายงานผลการศึกษาวิจัยพบว่าอาหารที่ประกอบด้วยปลาหางแข็งหรือปลาทูซึ่งมี EPA ในปริมาณ 2.2 กรัมต่อวันสามารถลดความดันเลือดซิสโตลิกในคนไข้ที่มีโรคความดันผิดปกติทาง กรรมพันธุ์ที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง และทำให้เกิดโรคหัวใจในขณะที่อายุยังน้อยอยู่ อาหารที่มีปลาหางแข็งหรือปลาทู ยังช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลงได้เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นระดับกลับสูงขึ้นไปเหมือนเดิมอีก ในผู้ที่มีความดันเลือดสูงในระดับปานกลาง พบว่าอาหารที่มีปลาหางแข็งหรือปลาทูลดความดันซิสโตลิกลงได้เกือบร้อยละ 10 ระดับโซเดียมในเลือดลดลง และเรนินซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวหนึ่งที่สร้างในไตซึ่งมีผลมากต่อความดันเลือด นั้น ก็ทำงานได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64 การศึกษาวิจัยในผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูงเล็กน้อย โดยให้กินน้ำมันปลาแคปซูลเป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่าความดันตัวบนหรือซิสโตลิกลดลงอย่างชัดเจน บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์ บำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น ลดการอักเสบของโรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อนกวาง กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกมีความจำเป็นต่อการพัฒนาของจอตาและสมองของทารก แต่ทารกไม่สามารถสังเคราะห์ DHA ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยจากน้ำนมแม่ โดยทารกแรกเกิดควรได้รับ DHA ไม่ต่ำกว่าวันละ 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม จากการศึกษายังพบว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อได้รับนมเสริม DHA จะสามารถมองเห็นได้ชัดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับอีกด้วย มารดาและหญิงที่ให้นมบุตรจึงควรบริโภค DHA อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกที่ได้รับ ส่งต่อไปยังลูกโดยผ่านทางรกและน้ำนม กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์สมองและเซลล์ประสาทซึ่งมีผลต่อ สติปัญญา หากร่างกายขาด DHA จะทำให้เซลล์สมองและเซลล์ประสาทขาดประสิทธิภาพไปด้วย เด็กในวัยนี้จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง คนในวัยทำงานมักประสบความเครียดอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายขาด DHA ในปริมาณที่เหมาะสม กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจะผ่านเข้าไปเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ของเซลล์สมอง ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้สมองทำงานดีขึ้น หากรับประทานอาหารที่มีกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สัดส่วนของ DHA ในสมองสูงขึ้น ความเครียดจะลดลงและสมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆโดยไม่ ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการทดลองโดยการให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกแก่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ใน ประเทศญี่ปุ่น พบว่าความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ และประสิทธิภาพระดับสูงของผู้ป่วยดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ DHA เป็นเวลา 6 เดือนจะมีอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA อย่างเห็นได้ชัด กรดไขมันเป็นการเรียงตัวของธาตุคาร์บ่อน โดยที่ปลายด้านหนึ่งเป็น methyl group อีกด้านหนึ่งเป็น carboxyl group ความยาวของคาร์บอนมีได้หลายตัว หากมีความยาวน้อยกว่า 6 เรียกว่า กรดไขมันสายสั้น หากมีคาร์บอนมากกว่า 12 เรียกว่ากรดไขมันสายยาว กรดไขมันเป็นสารอาหารสำคัญ ของกล้ามเนื้อหัวใจและอวัยวะภายในร่างกาย กรดไขมันส่วนที่เหลือใช้ จะถูกสะสมในรูปไตรกลีเซอไรด์ซึ่งจะสะสมเป็นไขมันในร่างกาย กรดไขมันอิ่มตัว หมายถึง กรดไขมันที่มีธาตุคาร์บอนต่อกันด้วยพันธะเดี่ยวเท่านั้น การรับประทานอาหารไขมันชนิดอิ่มตัว จะทำให้ไขมันในเลือดสูง และเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดตีบ แหล่งอาหารของไขมันอิ่มตัวได้แก่ น้ำมันปาล์ม กะทิ เนย นม เนื้อแดง ช้อกโกแลต กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เรียกว่า monounsaturated fatty acid (MUFA) เป็นกรดไขมันที่มีธาตุคาร์บอนต่อกันด้วยพันธะคู่เพียงหนึ่งตำแหน่ง การรับประทานอาหารไขมันประเภทนี้ ทดแทนไขมันอิ่มตัวจะช่วยลดระดับ LDL Cholesterol ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบ อาหารที่มีกรดไขมันชนิด MUFA ได้แก่ อะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก ส่วนกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เรียกว่า polyunsaturated fatty acid (PUFA) หมายถึง กรดไขมันที่มีธาตุคาร์บอนต่อกันด้วยพันธะคู่อยู่หลายตำแหน่ง หากรับประทานแทนไขมันอิ่มตัว จะไม่เพิ่มระดับไขมันในร่างกาย อาหารที่มีไขมันชนิด PUFA ได้แก่ น้ำมันพืชทั้งหลาย เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 (Alpha Lenolenic acid) 1000 มิลลิกรัมจะมีกรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ที่เปลี่ยนเป็นกรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA จะลดโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ และเพิ่ม HDL ในเลือดได้ ส่วนกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ที่เปลี่ยนเป็น DHA จะเป็นส่วนประกอบของเซลล์สมองช่วยบำรุงสมอง กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA นำไปสร้างสารพรอสตาแกลนดิน ซึ่งทำให้เกล็ดเลือดไม่เกาะกัน และนำไปสร้างสารธรอมบ็อกเซน ซึ่งมีผลต่อการเกาะกันของเกล็ดเลือดน้อยมาก ผลรวมจึงทำให้เกล็ดเลือดไม่แข็งตัวง่าย กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ไม่ได้มาจากแหล่งอาหารทะเลเพียงอย่างเดียว ในพืชบางชนิดที่มีกรดแอลฟาไลโนเลนิค เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะสามารถเปลี่ยนกรดชนิดนี้เป็นกรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA และ DHA ได้ แต่การสร้างนี้เกิดขึ้นได้ช้าและจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่ขาดเอนไซม์ในขบวน การเมตาโบลิซึมนี้ พืชที่พบ คือ น้ำมันลินสีด (linseed oil) ผลวอลนัทและน้ำมันวอลนัท แฟลกซ์สีด (flaxseed) เรปสีด (rapeseed) น้ำมันคาโนล่า (canola oil) น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด ผักขม (spinach) และ ผักกาดเขียว กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 (Lenoleic acid) ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ในขณะเดียวกันจะเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิด HDL ในเลือดอีกด้วย กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 ที่เปลี่ยนเป็นกรดอะแรคชิโดนิก จะถูกนำไปสร้างเป็นสารพรอสตาแกลนดิน ซึ่งจะทำให้เกล็ดเลือดไม่จับกัน และสร้างเป็นสารธรอมบ็อกเซน ซึ่งทำให้เกล็ดเลือดจับเกาะกันและอยู่ในภาวะสมดุล รับประทานวันละ 1 แคปซูลกับน้ำไม่แช่เย็นค่ะ
บรรจุ 90แคปซุล ทานได้ 90 วัน
ส่วนประกอบ
1 grain (1.61g) per: ● energy: 12.35kcal ● protein: 0.311g ● lipid: 1.208g ● carbohydrate: 0 ~ 0.1g ● sodium: 0 ~ 2mg ● EPA: 180mg ● DHA: 120mg
Made in Japan
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
เพื่อความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายและมิตรภาพที่ดีต่อกัน กรุณาทำความเข้าใจเงื่อนไข
|
Tags |